กาพย์ฉบัง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กาพย์ฉบัง เป็นคำประพันธ์ประเภทหนึ่ง จำพวกกาพย์ มักจะเขียนรวมอยู่ในหนังสือประเภทคำฉันท์ หรือคำกาพย์ มีลักษณะสั้น กระชับ จึงมักจะใช้บรรยายความที่มีการเคลื่อนไหว กระชับ ฉับไว แต่ก็มีบ้าง ที่ใช้กาพย์ฉบับบรรยายถึงความงดงาม นุ่มนวลก็มี
กาพย์ฉบัง เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กาพย์ฉบัง 16 เนื่องจากมีจำนวนคำ 16 คำ ในหนึ่งบท บ้างก็เรียกว่า กาพย์ 16 เฉยๆ ก็มี
[แก้] คณะ
กาพย์ฉบังบทหนึ่ง มีบาทเดียว บาทหนึ่งมี 3 วรรค คือ
- วรรคต้น (รับ) มี 6 คำ
- วรรคกลาง (รอง) มี 4 คำ
- วรรคท้าย (ส่ง) มี 6 คำ
บทหนึ่งจึงมีทั้งหมด 16 คำ
[แก้] สัมผัส
กาพย์ฉบังมีลักษณะสัมผัสคล้ายกับกาพย์ยานี เพียงแต่มี 3 วรรค การรับส่งสัมผัส เป็นดังนี้
- คำท้ายวรรคต้น สัมผัสคำท้ายวรรคกลาง --> 0 - 0
- คำท้ายของวรรคกลาง อาจส่งสัมผัสไปยังคำแรกหรือคำที่สอง ของวรรคท้าย ก็ได้ --> 0 - 0
- คำท้ายวรรคท้าย ส่งสัมผัสไปยังทำท้ายวรรคต้น ของบทต่อไป --> 0 - 0
กาพย์ฉบังอาจเขียนร้อยต่อไป ยาวเท่าใดก็ได้ ไม่จำกัด
| 0 0 0 0 0 0 | 0 0 0 0 |
| 0 0 0 0 0 0 | |
| 0 0 0 0 0 0 | 0 0 0 0 |
| 0 0 0 0 0 0 |
- ตัวอย่างกาพย์ฉบัง
| อินทรชิต บิดเบือนกายิน | เหมือนองค์อมรินทร์ | ||
| ทรงคชเอราวัณ | |||
| ช้างนิรมิตฤทธิแรงแข็งขัน | เผือกผ่องผิวพรรณ | ||
| สีสังข์สะอาดโอฬาร์ | |||
| สามสิบสามเศียรโสภา | เศียรหนึ่งเจ็ดงา | ||
| ดั่งเพชรรัตน์รูจี | |||
| งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี | สระหนึ่งย่อมมี | ||
| เจ็ดกออุบลบันดาล | |||
| กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ | ดอกหนึ่งแบ่งบาน | ||
| มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา | |||
| กลีบหนึ่งมีเทพธิดา | เจ็ดองค์โสภา | ||
| แน่งน้อยลำเพานงพาล | |||
| นางหนึ่งย่อมมีบริวาร | อีกเจ็ดเยาวมาลย์ | ||
| ล้วนรูปนิมิตรมายา | |||
(บทพากย์เอราวัณ พระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ ในรัชกาลที่ 2)
| สงฆ์ใดสาวกศาสดา | รับปฏิบัติมา์ | ||
| แต่องค์สมเด็จภควันต์ | |||
| เห็นแจ้งงตุสัจเสร็จบรร- | ลุทางที่อัน | ||
| ระงับและดับทุกข์ภัย | |||
| โดยเสด็จพระผู้ตรัสไตร | ปัญญาผ่องใส | ||
| สะอาดและปราศมัวหมอง | |||
| เหินห่างทางข้าศึกปอง | บ มิลำพอง | ||
| ด้วยกายและวาจาใจ | |||
| เป็นเนื้อนาบุญอันไพ- | ศาลแต่โลกัย | ||
| และเกิดพิบูลย์พูนผล | |||
| สมยาเอารสทศพล | มีคุณอนนต์ | ||
| เอนกจะนับเหลือตรา | |||
| ข้าขอนบหมู่พระศรา | พกทรงคุณา- | ||
| นุคุณประดุจรำพัน | |||
| ด้วยเดชบุญข้าอภิวันท์ | พระไตรรัตน์อัน | ||
| อุดมดิเรกนิรัตนศัย | |||
| จงช่วยขจัดโพยภัย | อันตรายใดใด | ||
| จงดับและกลับเสื่อมสูญ | |||
| สงฆ์ใดสาวกศาสดา | รับปฏิบัติมา์ | ||
| แต่องค์สมเด็จภควันต์ | |||
| เห็นแจ้งงตุสัจเสร็จบรร- | ลุทางที่อัน | ||
| ระงับและดับทุกข์ภัย | |||
| โดยเสด็จพระผู้ตรัสไตร | ปัญญาผ่องใส | ||
| สะอาดและปราศมัวหมอง | |||
| เหินห่างทางข้าศึกปอง | บ มิลำพอง | ||
| ด้วยกายและวาจาใจ | |||
| เป็นเนื้อนาบุญอันไพ- | ศาลแต่โลกัย | ||
| และเกิดพิบูลย์พูนผล | |||
| สมยาเอารสทศพล | มีคุณอนนต์ | ||
| เอนกจะนับเหลือตรา | |||
| ข้าขอนบหมู่พระศรา | พกทรงคุณา- | ||
| นุคุณประดุจรำพัน | |||
| ด้วยเดชบุญข้าอภิวันท์ | พระไตรรัตน์อัน | ||
| อุดมดิเรกนิรัตนศัย | |||
| จงช่วยขจัดโพยภัย | อันตรายใดใด | ||
| จงดับและกลับเสื่อมสูญ | |||
| สงฆ์ใดสาวกศาสดา | รับปฏิบัติมา์ | ||
| แต่องค์สมเด็จภควันต์ | |||
| เห็นแจ้งงตุสัจเสร็จบรร- | ลุทางที่อัน | ||
| ระงับและดับทุกข์ภัย | |||
| โดยเสด็จพระผู้ตรัสไตร | ปัญญาผ่องใส | ||
| สะอาดและปราศมัวหมอง | |||
| เหินห่างทางข้าศึกปอง | บ มิลำพอง | ||
| ด้วยกายและวาจาใจ | |||
| เป็นเนื้อนาบุญอันไพ- | ศาลแต่โลกัย | ||
| และเกิดพิบูลย์พูนผล | |||
| สมยาเอารสทศพล | มีคุณอนนต์ | ||
| เอนกจะนับเหลือตรา | |||
| ข้าขอนบหมู่พระศรา | พกทรงคุณา- | ||
| นุคุณประดุจรำพัน | |||
| ด้วยเดชบุญข้าอภิวันท์ | พระไตรรัตน์อัน | ||
| อุดมดิเรกนิรัตนศัย | |||
| จงช่วยขจัดโพยภัย | อันตรายใดใด | ||
| จงดับและกลับเสื่อมสูญ | |||
| สงฆ์ใดสาวกศาสดา | รับปฏิบัติมา์ | ||
| แต่องค์สมเด็จภควันต์ | |||
| เห็นแจ้งงตุสัจเสร็จบรร- | ลุทางที่อัน | ||
| ระงับและดับทุกข์ภัย | |||
| โดยเสด็จพระผู้ตรัสไตร | ปัญญาผ่องใส | ||
| สะอาดและปราศมัวหมอง | |||
| เหินห่างทางข้าศึกปอง | บ มิลำพอง | ||
| ด้วยกายและวาจาใจ | |||
| เป็นเนื้อนาบุญอันไพ- | ศาลแต่โลกัย | ||
| และเกิดพิบูลย์พูนผล | |||
| สมยาเอารสทศพล | มีคุณอนนต์ | ||
| เอนกจะนับเหลือตรา | |||
| ข้าขอนบหมู่พระศรา | พกทรงคุณา- | ||
| นุคุณประดุจรำพัน | |||
| ด้วยเดชบุญข้าอภิวันท์ | พระไตรรัตน์อัน | ||
| อุดมดิเรกนิรัตนศัย | |||
| จงช่วยขจัดโพยภัย | อันตรายใดใด | ||
| จงดับและกลับเสื่อมสูญ | |||

